กราบนมัสการค่ะ สมัยเด็กๆ เคยอยู่ใกล้ๆคุณปู่ก่อนท่านสิ้นลม .. ตอนนั้นญาติๆ ให้นั่งสวดมนต์รอบเตียง ห้ามร้องไห้ บอกว่าถ้าร้องแล้วท่านจะไปไม่ดี เป็นอย่างนั้น จริงไหมคะ

พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อจิตผ่องใส สุคติเป็นอันหวังได้ เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันหวังได้

เมื่อจิตเศร้าหมอง ถึงจะขอให้ไปที่ดี ก็ไม่ใช่ฐานะที่เป็นไปได้ เหมือนเอาก้อนหินโยนลงในน้ำ จะขอให้ก้อนหินลอยขึ้นก็ไม่ได้

แต่ถ้าจิตผ่องใส ถึงไม่ขอให้ไปที่ดี ก็ไปดีได้ เหมือนน้ำมันที่ลอยอยู่เหนือน้ำ มันก็ลอยอยู่ด้วยตัวมันเองไม่จม

ดังนั้นเมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว.. จึงให้ทุกคนหรือชักชวนทุกคน ให้ได้ฝึกจิตตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ จิตจะผ่องใสเพราะเห็นเรื่องราวชัดเจนตามจริง ด้วยปัญญาของตนเอง โดยไม่ต้องรอใครมาช่วย เมื่อฝึกไปจนเป็นปกติ เวลาจะจากโลกนี้ .. จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมผ่องใส ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ .. เมื่อจะไปก็ไปด้วยจิตที่ผ่องใส นี่เรียกว่า สว่างมาแล้วสว่างไป

หรือคนที่ไม่เคยฝึก เราก็เอามือแตะที่ฐานจิต ที่กลางหน้าอกบริเวณลิ้นปี่ กระซิบที่หู .. ให้รู้สึกไว้ ความรู้สึกนี้จะเป็นไปเพื่อประโยชน์อัน ยิ่งใหญ่ จิตก็จะมีที่เกาะ ไม่จมไปในความคิด หมุนไปตามบ่วงกรรม

เหมือนคนจะจมน้ำ มีห่วงยางโยนมาให้เกาะไว้ ก็ไม่จมลงในน้ำ ไม่ถูกคลื่นพาไป เรียกว่า มืดมาแต่สว่างไป

ดังนั้น เราปฏิบัติฝึกจิต แล้วเห็นด้วยตนเอง ดับทุกข์ได้เอง โดยไม่ต้องเชื่อว่า จริงหรือไม่จริง จึงเผยแผ่ พระธัมม์คำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งมาจากผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ซึ่งบอกวิธี คือ อริยมัคค์มีองค์แปด ไว้อย่างชัดเจน